Billy Elliot บิลลี่ เอลเลียต ฝ่ากำแพงฝันให้ลั่นโลก

Billy Elliot บิลลี่ เอลเลียต ฝ่ากำแพงฝันให้ลั่นโลก Billy Elliot เป็นเรื่องราวของเด็กชายบิลลี่ ที่รักการเต้นรำมาก ทำให้เขาต้องก้าวสู่การเดินทางค้นหาตัวเองในโลกที่มีแต่กลุ่มผู้ชุมนุมคนงานเหมืองที่นัดหยุดงาน การประท้วง สถานการณ์ครอบครัววิกฤต เมื่อเด็กชายบิลลี่ (เจมี่ เบลล์) อายุ 11 ปี ซึ่งภาคภูมิใจกับฟุตเวอร์คของตนในการชกมวยที่หอประชุมหมู่บ้าน บังเอิญไปเจอกับชั้นเรียนบัลเล่ต์ท้องถิ่น ซึ่งมาใช้หอประชุมหมู่บ้านร่วมกันกับชมรมชกมวยของเขา ท่าทางเคลื่อนไหวของการเต้นรำนั้นราวกับมีมนต์สะกดจินตนาการของเขา และต่อมาไม่นานเขาก็ทิ้งนวม แล้วแอบดอดเข้าไปหลังชั้นเรียนของคุณนายวิลคินสัน (จูลี่ วอลเตอร์ส) คุณนายวิลคินสัน เรียกบิลลี่มา และบอกให้เขาเปลี่ยนรองเท้าบู้ทสำหรับชกมวย เป็นรองเท้าบัลเล่ต์ถ้าอยากเต้น เมื่อดนตรีและทุกคนในชั้นเตรียมพร้อม บางอย่างในตัวบิลลี่ ซึ่งก็คือท่าทางและความสามารถอย่างเป็นธรรมชาติของเขาเข้าตาคุณนายวิลคินสัน และปลุกความปรารถนาอันแรงกล้าที่เธอมีต่อชั้นเรียนบัลเล่ต์ขึ้นอีกครั้ง เธอจึงทำตามความปรารถนาด้วยการละทิ้งนักเรียนคนอื่นๆ และมาให้ความสนใจกับบิลลี่ ส่วนที่บ้าน พ่อของบิลลี่ (แกรี่ ลูวิส) และโทนี่พี่ชาย กำลังอยู่ในช่วงนัดหยุดงานใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในเหล่าผู้ชุมนุมประท้วง ไม่มีงานไม่เงิน พวกเขาแทบจะไม่มีเงินซื้ออาหาร หรือทำให้บ้านอบอุ่น ยิ่งไปกว่านั้น ความจำของคุณยาย (จีน เฮย์วู้ด) ก็แย่ลง เมื่อบิลลี่พาคุณยายไปเยี่ยมหลุมศพของแม่ คุณยายกลับไปยืนเหม่อลอยอยู่ผิดหลุม บิลลี่พยายามเก็บเรื่องบัลเล่ต์ไว้เป็นความลับไม่ให้ใครรู้ นอกจากไมเคิล (สจ๊วร์ท เวลล์ส) เพื่อนสนิท เมื่อพ่อของบิลลี่รู้ว่าบิลลี่ไม่เข้าเรียนชกมวย แต่กลับใช้เงินของพ่อไปกับสิ่งที่ไม่เหมาะกับลูกผู้ชาย พ่อบุกเข้าไปในชั้นเรียนของคุณนายวิลคินสันเพื่อดึงลูกชายกลับมา ห้ามไม่ให้เขาเต้นรำและชกมวยอีก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาต้องอยู่บ้านและดูแลคุณยาย แต่ไม่มีใครขัดขวางได้ คุณนายวิลคินสันเสนอว่าจะสอนบิลลี่ส่วนตัวโดยไม่คิดเงิน หวังว่าเขาจะได้เข้าคัดเลือกเข้าเรียนใน Royal Ballet School โรงเรียนบัลเล่ต์อันมีชื่อเสียงของลอนดอน ทั้งสองเริ่มฝึกซ้อมอย่างหนักทุกเย็นหลังเลิกเรียน แต่เมื่อในที่สุดวันคัดเลือกมาถึง ทุกอย่างพังทลาย โทนี่มีเรื่องกับตำรวจถูกทำร้ายและถูกจับเข้าคุก เดือดร้อนถึงพ่อและบิลลี่ต้องไปช่วยออกมา บิลลี่พลาดนัดกับคุณนายวิลคินสัน เธอผิดหวังอย่างยิ่ง จึงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับพ่อของบิลลี่ ชักชวนให้เขาให้โอกาสบิลลี่ได้รับสิ่งที่ดีกว่า แต่เนื่องจากความกดดันในครอบครัวที่มีต่อพ่อและโทนี่ บวกกับความไม่เข้าใจนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างรุนแรง คุณนายวิลคินสันถลันออกไปก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายกว่านี้ ซึ่งทำบิลลี่ขายหน้ามาก เมื่อคนในครอบครัวไม่เข้าใจ บิลลี่ปลดปล่อยความรู้สึกด้วยการเต้นรำ ในคืนคริสต์มาส บิลลี่เข้าไปในหอประชุมหมู่บ้านตอนกลางดึกพร้อมกับไมเคิล เขาปลดปล่อยอารมณ์และแสดงบัลเล่ต์ที่เขาจะใช้คัดเลือกเข้าเรียนให้ไมเคิลดู แต่พ่อของบิลลี่ได้ยินเสียงดนตรี จึงจับได้ว่าลูกชายเต้นรำอยู่กลางแสงไฟฉายที่ไมเคิลเป็นคนส่อง และเป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบว่าบิลลี่มีพรสวรรค์ในเรื่องนี้ ทั้งยินดีทั้งอ่อนเพลีย พ่อของบิลลี่จึงตัดสินใจเสี่ยง ยอมทุ่มเท ยอมกลับไปทำงานเพื่อรวบรวมเงินให้บิลลี่เดินทางไปคัดเลือกเข้าโรงเรียน หลังจากไปพบคุณนายวิลคินสันและรู้แล้วว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ในการคัดเลือกตัว เขาก็ฝ่าผ่านผู้ประท้วงกลับเข้าไปทำงานตามเดิม ต้องกลายเป็นคนหักหลังเพื่อนร่วมงานที่กำลังประท้วง โทนี่รู้ว่าพ่อไปทำงานจึงพยายามเข้าไปห้าม พ่อต้องการให้โทนี่รู้ว่าเขาทำเพื่อบิลลี่ โทนี่และคนงานเหมืองแร่คนอื่นๆ เห็นด้วย และยื่นมือเข้าช่วยหาเงิน เพื่อนคนงานเหมืองคนอื่นๆ เกริ่นถึงการจัดคอนเสิร์ตเพื่อบิลลี่ พ่อขายสมบัติชิ้นสุดท้ายเพื่อบิลลี่ เมื่อเวลาทดสอบมาถึง คณาจารย์ที่เคร่งขรึมพินิจพิเคราะห์บิลลี่ บิลลี่ถูกทดสอบ ถูกตั้งคำถาม และเข้าสู่การทดสอบให้แสดง คณาจารย์บอกให้บิลลี่กลับบ้านและรอจดหมายที่จะตัดสินอนาคตของเขา สิบห้าปีต่อมา พ่อของบิลลี่ โทนี่ นั่งอยู่ในห้องประชุมของโรงละครเวสท์เอนด์แห่งลอนดอน ทั้งสองไม่ได้สังเกตว่าไมเคิลนั่งอยู่ข้างๆ ไมเคิลไม่มีทางพลาดคืนนี้ซึ่งเป็นคืนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก หลังม่านนั้นเมื่อดนตรีเริ่มบรรเลง และไฟเริ่มส่อง บิลลี่ซึ่งขณะนี้อายุ 25 ปี พร้อมอยู่บนเวที กระโดดตัวลอยขึ้นสูง บิลลี่ปรากฏตัวอย่างสง่าท่ามกลางแสงไฟ ราวกับหงส์ที่โลดแล่นไปเหมือนถูกกระแสไฟ เวอร์คกิ้ง ไทเทิล ฟิล์มส์ และ บีบีซีฟิล์มส์ ร่วมกับสภาศิลปะแห่งอังกฤษ เสนองานอำนวยการสร้างของไทเกอร์ แอสเป็ค พิคเจอร์สร่วมกันกับ WT2 เรื่อง Billy Elliot อำนวยการสร้างโดยเกร็ก เบรนแมน และจอน ฟินน์ และเขียนบทโดย ลี ฮอลล์ ผู้อำนวยการสร้างบริหารได้แก่ นาทาชา วาร์ตัน, ชาร์ลส์ แบรนด์, เทสซ่า รอสส์ และเดวิด เอ็ม ธอมพ์สัน ยูนิเวอร์แซลพิคเจอร์สเป็นผู้นำออกฉายทั่วโลก